มาตรการเข้มโควิด ยกระดับ 4 ทั่วประเทศ

           วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงประเด็น อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 เตือนภัยระดับ 4 ทั่วประเทศ และแนวทางมาตรการการควบคุมโรค ว่า ขอให้ประชาชนยังคงการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพราะยังเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อลดการติดเชื้อ เพราะทุกจังหวัดถูกยกเป็นระดับ 4 แล้ว

            อีกทั้งการตรวจพบเชื้อส่วนใหญ่ ยังเป็นเรื่องของการสังสรรค์ร่วมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน จึงขอให้งดการทำกิจกรรมดังกล่าว และชะลอการเดินทาง เพราะโควิดเดินเองไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนเข้มงวดดูแลตนเองสำหรับการยกระดับเตือนภัยโควิด-19 เป็นระดับ 4 มีมาตรการเพิ่มเติมที่เคร่งครัดมากขึ้น โดยทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการ VUCA โดยเฉพาะมาตรการ UP (Universal Prevention) เน้นการสวมหน้ากากอนามัย 100% และต้องทำตามมาตรการดังนี้

1.งดเข้าสถานที่เสี่ยง งดดื่มสุราในร้าน เลี่ยงไปสถานที่ ที่มีคนจำนวนมาก สล็อตฟรี

2.ชะลอการเดินทาง เช่น ทำงานที่บ้าน (WFH 50%-80%) หรือ ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด

3.ลดการรวมตัวกัน เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ

4.ประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการ V-U-C-A อย่างเคร่งครัด คือ รับการฉีดวัคซีนตามที่กำหนด ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ทุกที่ ทุกเวลา สถานประกอบการมีระบบ COVID-19 Free Setting และตรวจ ATK สม่ำเสมอ. สธ. รับ โควิดในไทยแนวโน้มติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่ยังเป็นวัยแรงงาน ของดสังสรรค์

                  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย โควิดในไทยมีแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น แต่ความรุนแรงต่ำ ยันเตียงและยารักษามีเพียงพอ ของดสังสรรค์ หวั่นวัยแรงงานนำเชื้อไปติดผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงในบ้านต่อ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงประเด็น อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 เตือนภัยระดับ 4 ทั่วประเทศ และแนวทางมาตรการการควบคุมโรค โดยนพ.ธงชัย กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ของทั่วโลกในขณะนี้ ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนในประเทศไทย คาดอีก 1-2 สัปดาห์ การติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยกว่า 90% การติดเชื้อในไทยยังเป็นสายพันธุ์โอมิครอน

             แม้ว่าความรุนแรงจะต่ำ แต่หากปล่อยให้ผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น ก็มีโอกาสที่กลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุติดเชื้อมากขึ้นตามไปด้วย เพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยแรงงาน จึงมีโอกาสทำให้ผู้สูงอายุที่บ้านติดเชื้อตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ จึงขอให้ระมัดระวังตนเอง หากมีอาการเล็กน้อยควรรีบตรวจ ATK และหากติดเชื้อก็รีบกักตัวเอง เพื่อไม่ให้แผ่ไปสู่กลุ่มเสี่ยงกลุ่มเปราะบางอื่นๆ และต้องคิดอยู่เสมอว่าติดเชื้อแล้ว ขณะเดียวกันการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ยังเป็นสิ่งสำคัญ การรวมกลุ่มกัน ทั้ง งานศพ งานบวช งานบุญ หากงดเว้นได้ให้งดเว้น พร้อมชี้ว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ยังไม่เพียงพอ จึงขอให้รีบมาฉีดเข็มที่ 3 เพราะมีผลวิจัยมาแล้วว่าสามารถป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้กว่า 90% ส่วนสถานประกอบการ ยังคงต้องทำ Covid Free Setting